PADI และ National Geographic Pristine Seas ได้ร่วมมือกันเพื่อปกป้องพื้นที่อย่างน้อย 30% ของ

มหาสมุทรภายในปี 2030 และนี่คือวิธีที่ศูนย์ดำน้ำของ PADI จะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้

เพื่อสร้างความแตกต่างที่วัดผลได้ในการอนุรักษ์มหาสมุทร สิ่งสำคัญคือเราทุกคนต้องร่วมมือกัน ทั้งในด้าน

การกระทำและผลลัพธ์ นั่นเป็นเหตุผลที่การสร้างความร่วมมือด้านการอนุรักษ์เชิงกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จาก

ความเชี่ยวชาญของศูนย์ดำน้ำและรีสอร์ทของ PADI ทั้ง 6,600 แห่ง มืออาชีพของ PADI 128,000 คน และ

นักดำน้ำของ PADI 29 ล้านคน เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเราในการส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรม

การดำน้ำ

การสื่อสารทั่วโลกของเรามีความพิเศษตรงที่เราสามารถนำเสนอการดำเนินการในท้องถิ่นที่สร้างการเปลี่ยนแปลง

ที่มีความหมายแก่มหาสมุทรทั่วโลก เรามุ่งเน้นการดำเนินการนี้ไปที่ห้ากลุ่มของ PADI Blueprint for Ocean

Action: รวมถึงพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Areas หรือ MPA) การฟื้นฟูและการอนุรักษ์ปะการัง

ขยะในทะเล สายพันธุ์สัตว์ทะเลที่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ และบลูคาร์บอน (Blue Carbon)

นั่นเป็นเหตุผลที่เราร่วมมือกับ National Geographic Pristine Seas เพื่อปกป้องอย่างน้อย 30% ของมหาสมุทร

ภายในปี 2030 ผ่านการสร้างพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPA) ใหม่ ความร่วมมือนี้จะช่วยพัฒนาเป้าหมายการอนุรักษ์

และการดำน้ำที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมภายใต้ PADI Blueprint และ Pillars of Change (เสาหลักแห่งการเปลี่ยน

แปลง) ของ PADI ไปตามลำดับ นอกจากนี้ยังมอบโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับศูนย์ดำน้ำและรีสอร์ททั่วโลกใน

การปกป้องสถานที่ดำน้ำในท้องถิ่นของพวกเขา

pristine seas partnership diver on reef
ภาพโดย Pristine Seas, National Geographic Society.

เราได้เริ่มดำเนินการศึกษาวิจัยจากทั่วโลกเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมดำน้ำร่วมกับ National

Geographic Pristine Seas การสำรวจครั้งแรกได้เริ่มดำเนินการในปี 2022 และจะมีการเผยแพร่ผลลัพธ์ที่ได้ในสื่อสิ่ง

พิมพ์ทางวิทยาศาสตร์ภายในต้นปี 2024 การวิเคราะห์ครั้งนี้ นำโดยนักวิจัยจาก Scripps Institution of Oceanography

และ Simon Fraser University ที่จะถูกใช้เพื่อแจ้งให้รัฐบาลต่าง ๆ ทราบว่าการสร้าง MPA สามารถสร้างงานและ

สร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในท้องถิ่นได้อย่างไร นอกจากนี้เรายังจะสร้างทรัพยากรที่ศูนย์ดำน้ำของ PADI สามารถใช้เพื่อสนับสนุนการปกป้องสถานที่ดำน้ำของพวกเขาได้ น่านน้ำที่นักดำน้ำไปดำน้ำบ่อย ๆ มักตั้งอยู่ในพื้นที่

ชายฝั่งทะเลที่ล้ำค่าต่อชุมชนและเศรษฐกิจในท้องถิ่น

ข้อมูลเชิงลึกหลักจากการสำรวจที่มีการเผยแพร่จนถึงขณะนี้ พบว่าผู้ประกอบการดำน้ำสนับสนุนงานที่เกี่ยวข้อง

กับการดำน้ำและการท่องเที่ยวเชิงดำน้ำแบบเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) หลายพันงาน หลาย ๆ งาน

เหล่านี้อยู่ในชุมชนชายฝั่งทะเลขนาดเล็กและประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเป็นกลไกสำคัญหรือกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ที่สนับสนุนผู้คนหลายร้อยคน

“PADI ‘Mission Hubs’ มีบทบาทสำคัญใน Blueprint for Ocean Action ของเราและเป็นผู้ถือผลประโยชน์ร่วม

หลักในการผลักดันมาตรการคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นสำหรับโลกใต้น้ำ” ดรูว์ ริชาร์ดสัน (Drew Richardson) ประธานและ

ซีอีโอของ PADI Worldwide กล่าว “ผู้ประกอบการของ PADI แต่ละรายให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นเอกลักษณ์ ความเชี่ยว

ชาญในท้องถิ่น ความเป็นผู้นำในชุมชนและความหลงใหลที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับมหาสมุทรของเรา ด้วยการรวมตัว

กันเป็นหนึ่งเดียว ชุมชน PADI ที่ร่วมมือกับ National Geographic Pristine Seas จะให้ข้อมูล มุมมองและทักษะ

ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อขับเคลื่อนการปกป้องมหาสมุทรในระยะยาว”

divers exploring underwater with light shining through a coral fan

การสำรวจด้านเศรษฐกิจครั้งแรกของอุตสาหกรรมการดำน้ำนี้สามารถสร้าง MPA ใหม่ได้ทั่วโลก เพื่อให้สิ่งมี

ชีวิตสายพันธุ์ต่าง ๆ สามารถเติบโตและฟื้นตัวได้ โดยเป้าหมายคือการปกป้องประมาณ 30% ของมหาสมุทร

ในปัจจุบัน ประมาณหกเปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรในเขตอำนาจศาลระดับชาติทั่วโลก (น่านน้ำที่ไม่ใช่ระหว่าง

ประเทศ) ได้รับการคุ้มครองแล้ว

การดำน้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่ขูดรีดธรรมชาติที่ได้รับประโยชน์จาก MPA และดึงดูดให้สาธารณชนได้สัมผัส

กับ MPA และการสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับอำนาจทางเศรษฐกิจของการดำน้ำที่สามารถ

ช่วยผลักดันการขยายตัวของ MPA โดยการแสดงให้รัฐบาล ชุมชน อุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่น ๆ ว่า

การอนุรักษ์และ/หรือฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลที่บริสุทธิจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรงที่

สำคัญ

การวัดความสำเร็จของการศึกษาวิจัยและความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นมากกว่าแค่จำนวนและขนาดของ MPA

ใหม่ที่สร้างขึ้น เราวางแผนที่จะพัฒนาโปรแกรมการติดตามร่วมกับ National Geographic Pristine Seas

เพื่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว

pristine seas partnership boat on water's surface
เครดิต: มานู ซาน เฟลิกซ์ (Manu San Felix)

ในปี 2020 เอนริค ซาลา (Enric Sala) ผู้ก่อตั้ง Pristine Seas และ National Geographic Explorer-in-

Residence เข้ามาหาเราพร้อมกับแนวคิดที่จะผนึกกำลังเพื่อปกป้องมหาสมุทร โดยผสมผสานวิสัยทัศน์ของ

เขาและประวัติผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการสร้าง MPA ที่ประสบความสำเร็จด้วยแผนการดำเนินงาน

จากทั่วโลกและการเข้าถึงที่กว้างขวางของชุมชน PADI ทั่วโลก

จนถึงวันนี้ National Geographic Pristine Seas ได้ดำเนินการเพื่อปกป้องพื้นที่ไปแล้วกว่า 6 ล้าน

ตารางกิโลเมตร (2 ล้านตารางไมล์) ด้วยการสร้าง 24 MPA

ด้วยอิทธิพลและความเชี่ยวชาญของเอนริค ซาลา (Enric Sala) และทีมงานของเขาที่ National Geographic

Pristine Seas ศูนย์ดำน้ำและรีสอร์ทของ PADI สามารถเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและการกลับ

คืนมาของมหาสมุทรที่สมบูรณ์และระบบนิเวศทางทะเลที่สมดุล

การอนุรักษ์มหาสมุทรเป็นประโยชน์ต่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนการดำน้ำ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็น

พันธมิตรกับ PADI และศูนย์ดำน้ำ รีสอร์ทและมืออาชีพด้านการดำน้ำทั่วโลกเพื่อส่งเสริมการปกป้องสถานที่

ดำน้ำยอดนิยมทั่วโลก” เอนริค ซาลา (Enric Sala) กล่าว

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรวจที่ PADI Operator เข้าร่วม ชมวิดีโอนี้ที่บรรยายโดยเอนริค ซาลา

(Enric Sala)

Click to display the embedded YouTube video

facade placeholder


ต้องการมีบทบาทของคุณเองในการปกป้องมหาสมุทรหรือไม่ ลองดูว่าคุณสามารถส่งผลต่อ Pillars of Change   

 (เสาหลักแห่งการเปลี่ยนแปลง) ของ PADI ได้อย่างไรหรือสำรวจสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อปกป้องมหาสมุทรใน

ฐานะนักดำน้ำ หรือ หากคุณยังไม่ได้รับคำมั่นสัญญา Save the Ocean Pledge ลงชื่อเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อเป็น ส่วนหนึ่งของชุมชน PADI ทั่วโลกที่ต่อสู้เพื่อปกป้องทุกสิ่งในมหาสมุทร

Share This