หากคุณเคยไปทะเล (เราคิดว่าคุณเคย เพราะคุณมาอ่านที่นี่!) คุณอาจโชคดีที่ได้เห็นและเพลิดเพลินไปกับ

ความมหัศจรรย์ของแนวปะการังและแม้ว่าคุณจะยังไม่ได้มีโอกาสเห็นหรือชื่นชมความงามของปะการัง

แต่คุณก็ยังได้รับประโยชน์จากพวกมันเพราะทุกวินาทีที่คุณสูดหายใจนั้นมาจากมหาสมุทร

ปะการังเกี่ยวอะไรกับความสมบูรณ์ของมหาสมุทรใช่ไหม แนวปะการังมีบทบาทสำคัญในความสมบูรณ์

ของมหาสมุทร หากไม่มีปะการังและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง มหาสมุทรจะสูญเสียสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของโลก รวมทั้งมนุษย์ด้วย

มูลนิธิ Reef-World Foundation ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลในสหราชอาณาจักรที่ประสานงานโครงการ

Green Fins ในระดับสากลโดยร่วมมือกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment  

Programme) มีเป้าหมายเพื่อปกป้องและอนุรักษ์แนวปะการังด้วยแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อการดำน้ำและการสน็อกเกอลิ่งที่ยั่งยืนด้านล่างนี้คือเหตุผล

สำคัญที่ว่าทำไมพวกเขาจึงทำงานเพื่อปกป้องแนวปะการัง – และที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเหตุผล

ที่เราทุกคนควรใส่ใจเกี่ยวกับแนวปะการังเช่นกัน


A split shot showing a blue and purple coral reef under the water as well as mangrove trees above the surface.

แนวปะการังช่วยควบคุมสภาพอากาศ

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นหนึ่งในก๊าซหลักของก๊าซเรือนกระจกที่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยน

แปลงของสภาพภูมิอากาศ แนวปะการังถูกเรียกว่า “ป่าฝนแห่งท้องทะเล” ด้วยเหตุผลที่ว่าแนวปะการัง

ควบคุมสภาพอากาศของโลกโดยการดูดซับและกักเก็บ CO2 จากชั้นบรรยากาศ เช่นเดียวกับที่ต้นไม้

กำจัดการปล่อย CO2 แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวดูดซับ CO2 หลัก แต่แนวปะการังก็มีบทบาทที่สำคัญ แนวปะการัง

มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับแหล่งหญ้าทะเลและป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ


A split shot showing healthy hard and soft corals under a clear blue sky and tropical backdrop in French Polynesia

แนวปะการังปกป้องแนวชายฝั่ง

แนวปะการังช่วยปกป้องชุมชนชายฝั่งจากเหตุการณ์ของสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น พายุ สึนามิ และ

พายุเฮอริเคน/ไต้ฝุ่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวกั้นธรรมชาติ ดูดซับพลังงานของคลื่นและลดผลกระทบจาก

คลื่นพายุซัดฝั่งซึ่งช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชายฝั่งและชุมชนชายฝั่งที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น (ไม่

รวมถึงป่าชายเลนและแหล่งหญ้าทะเล) แนวปะการังยังเป็นแหล่งที่มาของทรายเพื่อเติมเต็มชายหาด

และป้องกันการกัดเซาะ


A large blue fish swims away from the camera over a healthy coral reef in clear water

แนวปะการังเป็นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

แนวปะการังเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก แนวปะการังเป็นที่

หลบภัยของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลหลากหลายชนิด ตั้งแต่ปลาไปจนถึงเต่า ปูไปจนถึงฉลาม และสัตว์อื่น ๆ

อีกนับพันชนิด นอกจากนั้น ปะการังยังให้อาหาร การป้องกัน รวมถึงเป็นแหล่งอนุบาลและแหล่งวางไข่

อีกด้วย หากไม่มีแนวปะการัง ปลาและสัตว์ทะเลจำนวนมากจะไม่สามารถอยู่รอดได้ และจะเกิดความไม่

สมดุลอย่างรุนแรงในระบบนิเวศของมหาสมุทรในวงกว้าง นั่นทำให้มันเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีค่าที่สุด

ในโลก!


A man in a bamboo hat walks towards the ocean and away from a fishing net lying on the beach filled with fish

แนวปะการังให้อาหารแก่ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก

ปลาเป็นแหล่งโปรตีนหลักสำหรับผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกอาศัยที่อยู่ใกล้แนวปะการังและสำหรับชุมชน

ชายฝั่งเหล่านี้ จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกได้รับประโยชน์

จากแนวปะการัง หลายคนต้องพึ่งพาเพื่อหาอาหาร รายได้ และเพื่อเป็นที่ป้องกัน ในความเป็นจริง 15%

ของการบริโภคโปรตีนจากสัตว์ของประชากร 4.3 พันล้านคนทั่วโลกคือปลา

แนวปะการังเป็นแหล่งอาหารของคนนับล้านด้วยการเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลจำนวน

มหาศาล ถูกจับโดยการประมงเชิงพาณิชย์และการประมงเชิงเพื่อการยังชีพ แนวปะการังที่ได้รับการจัด

การอย่างดีสามารถให้อาหารทะเลได้ประมาณ 15 ตันต่อตารางกิโลเมตรต่อปี หากไม่มีแนวปะการัง ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกจะสูญเสียแหล่งอาหารและรายได้หลัก


two divers float over a vibrant coral reef in deep blue water

แนวปะการังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก

ระบบนิเวศแนวปะการังมอบทรัพยากรและบริการแก่ชุมชนโดยมีมูลค่า 375 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี รายได้

ส่วนหนึ่งมาจากการประมงทั่วโลก ซึ่งให้อาหารและการหาเลี้ยงชีพให้กับผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลกและยัง

สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ผ่านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่น ๆ

จุดหมายปลายทางที่มีแนวปะการังนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่ไป

สำรวจระบบนิเวศใต้น้ำที่สวยงามเหล่านี้ในแต่ละปี สิ่งนี้สร้างรายได้ 36 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับเศรษฐกิจ

โลกในแต่ละปีและสร้างงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตั้งแต่การท่องเที่ยวแบบ “บนแนวปะ

การัง” เช่น การดำน้ำแบบสคูบาและสน็อกเกอลิ่งไปจนถึงการท่องเที่ยวแบบ “ใกล้ชิดแนวปะการัง” ที่ครอบ

คลุมทุกอย่าง ตั้งแต่การเพลิดเพลินกับทิวทัศน์และชายหาดที่สวยงามไปจนถึงอาหารทะเลในท้องถิ่น


A vertical image of a bright coral reef full of oranges and reds

แนวปะการังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลถึง 25% แต่ครอบคลุมพื้นผิวโลกไม่ถึง 1% คุณทราบไหมว่า

แนวปะการังอาจจะหายไปภายในช่วงชีวิตของเราได้ งานวิจัยได้พบว่าภายในปี 2050 เราอาจสูญเสีย

แนวปะการังไป 90% หากไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด แนวปะการังอยู่ภายใต้ภัยคุกคามร้ายแรง เช่น

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การทำประมงที่มากเกินกำลังผลิตของสัตว์น้ำ มลพิษ การพัฒนา

ชายฝั่ง และกิจกรรมของมนุษย์ในท้องถิ่น ถ้ามันหายไป สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและโลก

ใบนี้ก็หายจะไปด้วย

ในฐานะนักดำน้ำ คุณสามารถดำเนินการเพื่อปกป้องและอนุรักษ์แนวปะการังของเราได้โดยการเรียน

หลักสูตร Green Fins Diver e-Course หรือหลักสูตร PADI AWARE Coral Reef Conservation เพื่อเรียนรู้วิธีการมีส่วนร่วมในการปกป้องมหาสมุทรของเราในการดำน้ำทุกได๊พ์

หากเราไม่ดำเนินการตอนนี้ เราอาจสูญเสียแนวปะการังได้ และนั่นไม่ใช่แค่วิกฤตความหลากหลาย

ทางชีวภาพเท่านั้น มันจะเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจด้วย” ดร. เฮเลน ฟ็อกซ์ ผู้อำนวย

การด้านวิทยาศาสตร์การอนุรักษ์ของ Coral Reef Alliance กล่าว


ชีวประวัติผู้เขียน – เทเรซา โมห์ (Teresa Moh)

บทความนี้เขียนโดยเทเรซา โมห์ (Teresa Moh) บล็อกเกอร์รับเชิญ

เทเรซา โมห์ (Teresa Moh) เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของ The Reef-World Foundation ซึ่งเป็นผู้

ประสานงานระหว่างประเทศของโครงการ Green Fins ก่อนที่จะเข้าร่วมภาคส่วนการอนุรักษ์ เธอมี

ประสบการณ์หลายปีในการทำงานกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทางทะเลและมีส่วนร่วมกับชุมชน

ชายฝั่งในท้องถิ่นในฐานะครูสอนดำน้ำลึก ที่ Reef-World เธอสนับสนุนองค์กรเพื่อสร้างความตระหนักรู้

เกี่ยวกับความสำคัญของงานอนุรักษ์และการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน

Share This