เต่าทะเลเป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลของเรา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งนักดำน้ำ และนักสน็อกเกอเลอร์มักจะมีความสุขมากที่ได้พบเห็นพวกมันและว่ายน้ำกับพวกมัน คุณรู้ เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะเหล่านี้มากแค่ไหน อ่านต่อไปและเรียนรู้เพิ่มเติม!
สัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้ (เช่น จระเข้และงู) มีอยู่บนโลกมานานกว่า 150 ล้านปี นั่นนานพอ ที่จะได้เห็นการเกิดขึ้นและการตายของไดโนเสาร์
อย่างที่คุณอาจเดาได้แล้วว่าเต่าทะเลได้ปรับร่างกายให้อาศัยอยู่ในมหาสมุทร ในความเป็นจริง พวกมันใช้เวลาประมาณ 96% ของชีวิตอยู่ในทะเล
ทั่วโลกมีเต่าทะเลอยู่เจ็ดชนิด:
- เต่ามะเฟือง (Leatherback Sea Turtle) (Dermochelys coriacea)
- เต่าหัวฆ้อน (Loggerhead Sea Turtle) (Caretta caretta)
- เต่าตนุ (Green Sea Turtle) (Chelonia mydas)
- เต่ากระ (Hawksbill Sea Turtle) (Eretmochelys imbricata)
- เต่าหญ้า (Olive Ridley Sea Turtle) (Lepidochelys olivacea)
- เต่าหลังแบน (Flatback Sea Turtle) (Natator depressus)
- เต่าเคมพ์ส์ริดลีย์ (Kemp’s Ridley Sea Turtle) (Lepidochelys kempii)
ด้านล่างนี้คุณจะพบรายชื่อสถานที่ที่น่าอัศจรรย์ 11 แห่งในโลกสำหรับการดำน้ำและว่ายน้ำ
กับเต่าทะเลในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน
1. หมู่เกาะกาลาปาโกสประเทศเอกวาดอร์
เต่าตนุกาลาปากอส (Chelonia mydas agassisi) เป็นเต่าทะเลสายพันธุ์ย่อยที่พบได้เฉพาะ ในหมู่เกาะกาลาปากอสเท่านั้น สายพันธุ์ย่อยนี้อาศัยอยู่ในน่านน้ำกึ่งเขตร้อนและเขตร้อนของ มหาสมุทรแปซิฟิก และสามารถจำแนกออกได้จากเต่าตนุทะเลสีชนิดอื่น ๆ ด้วยกรามล่างที่หยัก และเกล็ดคู่เดียวที่ครอบอยู่บนตา
เต่าเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ในขณะสน็อกเกอลิ่งและดำน้ำในกาลาปาโกสตลอดทั้งปี สถานที่ วางไข่หลักคือที่ควินตาพลายา (Quinta Playa) บนเกาะอิซาเบลา (Isabela)
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ธันวาคมถึงมีนาคม
- ฤดูวางไข่: ธันวาคมถึงมีนาคม
- ฤดูฟักไข่: กุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม
2. เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลีย
เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) เป็นระบบแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มี ความยาวถึง 1,200 ไมล์ (2,000 กม.) และสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ แม้ว่าจะได้รับ ความเสียหายจากภาวะโลกร้อนและมลพิษ แต่แนวปะการังนี้ยังคงอุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิต โดยมีปลามากกว่า 1,500 สายพันธุ์ วาฬหลากหลายสายพันธุ์ โลมาและเต่าทะเล 6 สายพันธุ์
แหล่งวางไข่ของเต่าตนุทะเลเรียกว่า Rokeries ซึ่งมีทั้งหมด 18 แห่งแนวตามแนวปะการัง แบร์ริเออร์รีฟ ในห้าแห่ง มีตัวเมียทำรังวางไข่อยู่มากหรือน้อยประมาณ 30,000 ตัว อยู่ บริเวณเกาะเรน (Raine) และมัลเตอร์เคย์ (Multer Cay) ทางตอนเหนือของแนวปะการัง เกรตแบร์ริเออร์รีฟ อีก 13 แห่งอยู่ทางตอนใต้ เป็นที่ที่มีตัวเมียประมาณ 8,000 ตัวไปวาง ไข่ในหมู่เกาะที่เรียกว่าแคปปริคอนบังเกอร์ (Capricorn Bunker)
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤษภาคมถึงตุลาคม
- ฤดูวางไข่: ปลายเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์
- ฤดูฟักไข่: ปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน
3. อารีอะทอลล์ (Ari Atoll) มัลดีฟส์
มัลดีฟส์ประกอบด้วยเกาะปะการังที่มากกว่า 1,000 เกาะ ซึ่ถูกแบ่งออกเป็น 26 เกาะที่เป็นรูป วงแหวนในมหาสมุทรอินเดีย เกาะปะการังหรืออะทอลล์เหล่านี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับหาดทรายขาว ละเอียดและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่น่าทึ่ง
การดำน้ำแบบสคูบาและสน็อกเกอลิ่งในอารี อะทอลล์ (Ari Atoll) เป็นสิ่งที่น่าจดจำและเหมาะ สำหรับผู้เริ่มต้น คุณจะดีใจกับการเห็นกระเบนราหู ฝูงปลาเขตร้อน นูดดี้แบรนช์ (Nudibranch) ปลาดาว ปลาโลมาและฉลามวาฬ
เต่าทะเลมีอยู่ทั่วไปแม้ในบริเวณน้ำตื้น คุณสามารถเห็นเต่ากระได้อย่างง่ายดายในขณะที่พวกมัน กินฟองน้ำทะเลตามแนวปะการัง (ในพื้นที่หาอาหาร) บางครั้งก็มีโอกาสที่จะได้ว่ายน้ำกับเต่าหญ้า และเต่าตนุ อย่างไรก็ตาม เต่าเหล่านี้ไม่ค่อยวางไข่ในมัลดีฟส์
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: มกราคมถึงเมษายน
- ฤดูวางไข่: หายากมาก
- ฤดูฟักไข่: หายากมาก
4. เกาะเมาอิ (Maui) ฮาวาย
ฮาวายเป็นหมู่เกาะภูเขาไฟในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและเป็นที่อยู่ของเต่าทะเล 5 ใน 7 สายพันธุ์ สายพันธุ์ที่พบเห็นบ่อยที่สุดคือเต่าตนุทะเล (ในท้องถิ่นเรียกว่า Honu) และเต่ากระ (Honu’ea) พบเห็นน้อยกว่าคือเต่ามะเฟือง เต่าหัวฆ้อนและเต่าหญ้า
เต่าตนุฮาวายสามารถพบเห็นได้ง่ายตลอดทั้งปีในขณะสน็อกเกอลิ่งหรือดำน้ำไปตามชายฝั่ง ทางใต้และตะวันตกของเกาะเมาอิ (Maui) โดยเฉพาะบริเวณหน้า South Maui Turtletown คุณสามารถเห็นพวกมันกินสาหร่ายนอนอยู่บนพื้นใต้ทะเลหรือขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจ และคุณอาจเห็นมันนอนอาบแดดบนชายหาดอีกด้วย
ขอให้จำไว้ว่าคุณไม่ควรรบกวนเต่าเหล่านี้ ประการแรก การคุกคามจะรบกวนเต่า และการคุก คามเต่ายังถือว่าผิดกฎหมายในฮาวายด้วย
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: เมษายนถึงตุลาคม
- ฤดูวางไข่: เต่าตนุทะเลในหมู่เกาะฮาวายทางตะวันตกเฉียงเหนือวางไข่ใน Papahanaumokuakea Marine National Monument ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงตุลาคม 90% ของกิจกรรมการทำรังเพื่อวางไข่ของเต่ากระได้ถูกบันทึกบนแนว ชายฝั่ง Ka’u ของเกาะฮาวาย
- ฤดูฟักไข่: ปลายเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม (สำหรับเต่ากระ)
5. มาร์ซาอลาม (Marsa Alam) ประเทศอียิปต์
มาร์ซา อลาม (Marsa Alam) เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของอียิปต์และเป็นหนึ่งใน สถานที่ดำน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดในทะเลแดง หากคุณกำลังมองหาแนวปะการังที่สวยงาม ปลาเขตร้อน โลมา ฉลามแนวปะการัง ปลานโปเลียนและโดยเฉพาะเต่าทะเล ที่นี่คือ จุดหมายปลายทางสำหรับคุณ
อ่าวอาบูดาบับ (Abu Dabbab) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับหาดทรายที่สวยงาม ซึ่งสามารถว่ายน้ำกับเต่าตนุและพะยูนได้ ทั้งคู่กินหญ้าทะเลเป็นอาหารและมักพบเห็นขณะ สน็อกเกอลิ่งไม่ไกลจากชายหาด หากคุณกำลังมองหาเต่ากระ คุณควรดำน้ำหรือสน็อกเกอลิ่ง ตามแนวปะการัง ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายขณะที่พวกมันกินอาหาร
ทั้งสองสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยวางไข่ตามแนวชายฝั่ง กิจกรรมทำรังวางไข่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเกาะ นอกชายฝั่งซึ่งกฎหมายห้ามไม่ให้ขึ้นไปบนบก บางครั้งฤดูวางไข่อาจเริ่มเร็วหรือช้ากว่าปกติ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: มิถุนายนถึงกันยายน
- ฤดูวางไข่: กรกฎาคมถึงสิงหาคม (เต่าตนุ); กรกฎาคมถึงสิงหาคม (เต่ากระแต่อยู่ ในเขตฮูร์กาดา)
- ฤดูฟักไข่: สิงหาคมถึงตุลาคม (เต่าตนุ); กรกฎาคมถึงตุลาคม (เต่ากระ)
6. สิปาดัน (Sipadan) ประเทศมาเลเซีย
สิปาดัน (Sipadan) เป็นเกาะขนาดเล็กมากในประเทศมาเลเซียในทะเลเซเลเบส (Celebes) และ เป็นหนึ่งในสถานที่ดำน้ำชั้นนำของโลกที่มีปลามากกว่า 3,000 สายพันธุ์และปะการังนับร้อยสาย พันธุ์
คุณสามารถดำน้ำกับฝูงปลาสากหรือบาราคูด้าขนาดใหญ่ ปลากะมงตาโต ฉลามครีบขาว ทากเปลือย หรือทากทะเล (Nudibranch) และยังสามารถเห็นกระเบนราหู ฉลามหัวค้อนและฉลามวาฬเป็นครั้ง คราว
สถานที่แห่งนี้เหมาะมากสำหรับการว่ายน้ำกับเต่าตนุและเต่ากระที่อาศัยอยู่ในแนวปะการังตลอด ทั้งปี คุณจะถูกล้อมรอบโดยเต่าเหล่านี้ (เห็น 20 ถึง 30 ตัวต่อได๊พ์) พวกเต่าไม่สนใจนักดำน้ำ มันเพียง แค่กินอาหารหรือขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น น้ำจะอุ่นเสมอโดยมีอุณหภูมิ 26-30°C
(79-86°F)
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: เมษายนถึงพฤศจิกายน
- ฤดูวางไข่: เมษายนถึงกันยายน (สำหรับทั้งสองสายพันธุ์)
- ฤดูฟักไข่: มิถุนายนถึงพฤศจิกายน (สำหรับทั้งสองสายพันธุ์)
7. เขตอนุรักษ์ทางทะเลเกาะคุก (Cook Island Marine Reserve) ประเทศออสเตรเลีย
เขตอนุรักษ์ทางทะเลเกาะคุก (Cook Island Marine Reserve) เป็นพื้นที่คุ้มครองขนาดเล็กซึ่ง อยู่ไม่ไกลจากโกลด์โคสต์ (เขตอนุรักษ์ทางทะเลเกาะคุก) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ สถานที่แห่งนี้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด รวมถึง ปลานกแก้ว ปลาปักเป้า ปลาเก๋า ฉลามเสือดาว วอบบีกองและเต่าตนุ จึงสามารถพบเห็นเต่าได้ ตลอดทั้งปี
เมื่อคุณมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับเต่าทะเล ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสพวกมันและรักษาระยะห่าง 15 ฟุต (4-5 เมตร) ด้วยวิธีนี้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการดูเต่าและหลีกเลี่ยงการรบกวนสัตว์เลื้อยคลาน ทางทะเลชนิดนี้ได้
มีการบันทึกไว้ว่าเต่าตนุและเต่าหัวค้อนวางไข่บนชายหาดทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยมีลูกเต่าฟักออกมาจากรังตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า เกาะคุกไม่มีที่ทำรังวางไข่ใหม่ขนาดใหญ่หรือการฟักไข่จำนวนมากอย่างที่พบในจุดต่าง ๆ ในควีนส์แลนด์
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤษภาคมถึงตุลาคม
- ฤดูวางไข่: พฤศจิกายนถึงมีนาคม
- ฤดูฟักไข่: มกราคมถึงพฤษภาคม
8. อากูมาล (Akumal) เมืองพลายาเดลคาร์เมน (Playa del Carmen) ประเทศเม็กซิโก
อากูมาล (Akumal) ตั้งอยู่ระหว่างเมืองพลายา เดล คาร์เมน (Playa del Carmen) และตูลุม (Tulum) ซึ่งเป็นคำของภาษามายาที่แปลว่า “ที่อยู่ของเต่า” และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในเม็กซิโก ในการว่ายน้ำกับเต่าตนุและเต่าหัวค้อนทะเล
หาดอากูมาล (Akumal Beach) เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักสน็อกเกอเลอร์ (แม้แต่มือใหม่) เนื่องจากอ่าวเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับการคุ้มครองโดยแนวปะการังและมีความตื้น (ลึก 15 ฟุต / 5 เมตร) ก้นทะเลเป็นผืนทรายและปกคลุมไปด้วยพรมจากพืชทะเลที่ดึงดูดเต่ามา
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤษภาคมถึงสิงหาคม
- ฤดูวางไข่: พฤษภาคมถึงตุลาคม (เต่าตนุเท่านั้น)
- ฤดูฟักไข่: กรกฎาคมถึงธันวาคม
9. อุทยานแห่งชาติตอร์ตูเกโร (Tortuguero) ประเทศคอสตาริกา
หากคุณกำลังมองหากิจกรรมของสัตว์ป่าที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลกสองอย่าง (การวางไข่และ การฟักไข่ของเต่าทะเล) คุณต้องไปที่อุทยานแห่งชาติตอร์ตูเกโร (Tortuguero) บนชายฝั่งตะวัน ออกเฉียงเหนือของคอสตาริกา ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากอย่างแท้จริง คุณจะพบกับ ป่าโกงกาง ลิงคาปูชิน นกหลายร้อยตัวและ แน่นอน เต่าทะเล (เต่าตนุ เต่ากระและเต่ามะเฟือง) ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตลอดทั้งปี
เต่าตนุและเต่ามะเฟืองมาที่ชายหาดเพื่อวางไข่ ในช่วงฤดูวางไข่ของเต่าตนุจะมีตัวเมียมากกว่า 2,000 ตัวมาในพื้นที่นี้ ส่วนใหญ่แล้วเต่าจะวางไข่ในเวลากลางคืน ดังนั้นหากคุณต้องการชมพวกมัน คุณต้องมีไกด์ท้องถิ่น เพราะมีการห้ามมิให้ไปที่ชายหาดหลัง 18:00 น.
ฤดูแล้งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน แต่ตามแนวชายฝั่งทะเลแคริบเบียนคุณจะพบกับฝน เขตร้อนตลอดทั้งปี
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: มีนาคมถึงสิงหาคม
- ฤดูวางไข่: กรกฎาคมถึงตุลาคมโดยมีมากที่สุดในเดือนสิงหาคมสำหรับเต่าตนุและเต่ากระ มีนาคมถึงกรกฎาคมสำหรับเต่ามะเฟือง
- ฤดูฟักไข่: กันยายนถึงธันวาคมสำหรับเต่าตนุและเต่ากระ พฤษภาคมถึงกันยายนสำหรับ เต่ามะเฟือง
10. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลาฟลอร์ (La Flor) ประเทศนิการากัว
มีชื่อในท้องถิ่นว่า Refugio De Vida Silvestre La Flor เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในนิการากัวแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกในการดูเต่าทะเลตัวเมียหลายพันตัวขึ้นมาวางไข่ ที่มาเป็นครั้งคราว
รากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า “Arribada” และมอบโอกาสให้คุณได้สนองความหลงใหล ในเต่าทะเลของคุณ!
โปรดทราบว่าฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตร้อน อุณหภูมิในนิการากัวจะอยู่ระหว่าง 23 ถึง 32°C (73 ถึง 90°F) เสมอ
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: กรกฎาคมถึงพฤศจิกายน
- ฤดูวางไข่: กรกฎาคมถึงธันวาคม
- ฤดูฟักไข่: กันยายนถึงกุมภาพันธ์
11. อุทยานทางทะเลบูนาเคน (Bunaken) ประเทศอินโดนีเซีย
อุทยานทางทะเลบูนาเคน (Bunaken) ตั้งอยู่ที่สุลาเวสีเหนือ (North Sulawesi) ในอินโดนีเซียและ เป็นหนึ่งในพื้นที่คุ้มครองทางทะเลแห่งแรกที่ประกาศโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย – และก็มันแสดงให้เห็น ถึงความเปลี่ยนแปลง! จำนวนเต่าที่นี่เพิ่มมากขึ้นทุกปี และอุทยานแห่งนี้ก็อุดมไปด้วยแนวปะการัง ลานตา การว่ายของปลา สัตว์เลื้อยคลาน และปลาทะเลขนาดใหญ่ที่แหวกว่ายผ่าน
เต่าที่พบมากที่สุดในบูนาเคนคือเต่าตนุและที่สถานที่ดำน้ำตามกำแพงหินใต้น้ำ เช่น Lekuan นั้น เป็นไปได้ที่คุณจะได้เห็นเต่าในจำนวนที่นับไม่ถ้วนระหว่างได๊พ์ ๆ หนึ่ง – และบางตัวก็ตัวใหญ่มาก! เต่ากระก็พบเห็นได้บ่อยในอุทยานเช่นกัน
บูนาเคนมีน้ำทะเลที่อุ่น สภาพการมองเห็นดีเยี่ยมและเป็นสภาพการดำน้ำที่เหมาะสำหรับนักดำน้ำ ทุกระดับตลอดทั้งปี เดือนที่ฝนตกชุกที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
- ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤษภาคมถึงตุลาคม
- ฤดูวางไข่: เมษายนถึงกันยายน
- ฤดูฟักไข่: มิถุนายนถึงพฤศจิกายน
วิธีการเข้าหาเต่าทะเล
เต่าทะเลเป็นสัตว์ที่ไม่สนใจการปรากฏตัวของเรา พวกเราทุกคน ตั้งแต่นักดำน้ำมือใหม่ไปจนถึง นักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญต่างถูกดึงดูดโดยการปรากฏตัวของเต่าและเรามักจะเข้าหามันเพื่อชื่นชมหรือ ถ่ายภาพ
ค้นหาวิธีการโต้ตอบโดยไม่รบกวนเต่า
ว่ายน้ำและดำน้ำกับเต่า
ตรงกันข้ามกับที่คุณอาจคิด กระดอง (โดยทั่วไปเรียกว่ากระดอง) พลาสทรอน (Plastron) หรือ กระดองบริเวณท้องและกระโหลกของสัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้ไวต่อความรู้สึกมาก ด้วยเหตุนี้ จึง
การสัมผัสอาจทำให้สัตว์ตกใจและกลั้นหายใจนานขึ้น ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดจะทำให้ปอดเสียหาย อย่างรุนแรงได้ อยู่ห่างจากเต่าทะเลเสมอและไม่กีดขวางการว่ายน้ำของเต่าทะเล
การทำรังเพื่อวางไข่ของเต่าทะเล
ในระหว่างการวางไข่ ห้ามส่องไฟหรือแฟลชกล้องไปที่ตัวเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะก่อน การวางไข่ แสงอาจทำให้เต่าหยุดวางไข่และจากไป หากคุณโชคดีพอที่จะได้สังเกตดูพฤติกรรมนี้ ให้รักษาระยะห่างและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากคุณเป็นผู้ชมเพียงคนเดียว อย่าลืมรายงานรังต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง วิธีนี้สามารถปกป้อง ไข่ของเต่าได้
การฟักออกจากไข่
เมื่อฟักออกจากไข่และลูกแรกเกิดโผล่ขึ้นมาจากทราย ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสไข่และให้สังเกต เหตุการณ์อย่างสงบนิ่งและอย่ากีดขวางทางลงทะเล เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกเต่าที่จะลงไปในน้ำ อย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการถูกขัดขวางโดยผู้ล่าบนชายหาด
การถ่ายภาพเต่าทะเล
หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพโดยใช้แฟลชมากเกินไปเมื่อถ่ายภาพเต่าทะเล อย่าจ่อแฟลชไปที่ดวงตา โดยตรง
การระบุสายพันธุ์เต่าทะเล
การระบุสายพันธุ์เต่าทะเลเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักวิจัยเพื่อติดตามจำนวนประชากรของ สายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นทูตแห่งมหาสมุทรและหากคุณกำลังดำน้ำหรือสน็อกเกอลิ่งใกล้กับเต่าทะเลให้ถ่ายรูป ทั้งสองด้านของส่วนหัวและลำตัวของมัน หัวของเต่าทะเลถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ (เกล็ด บนใบหน้า) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะสำหรับแต่ละตัว เช่นเดียวกับลายนิ้วมือของเรา
ต้องใช้รูปถ่ายเต็มตัวเพื่อดูว่าเป็นตัวเมียหรือตัวผู้ ตัวผู้มีหางยาว ในขณะที่ตัวเมียและตัวอ่อน มีหางสั้นซึ่งมักจะมองไม่เห็น
ส่งเอกสารนี้พร้อมวันที่และสถานที่พบเห็นไปยังสมาคมใดสมาคมหนึ่งตามรายการด้านล่างนี้ พวกเขาจะระบุสายพันธุ์สัตว์และส่งข้อมูลเกี่ยวกับมันให้คุณ หากเป็นตัวใหม่คุณอาจจะตั้ง ชื่อให้มันได้ด้วย!
เต่าทะเลและสัตว์นักล่า
สัตว์นักล่าตามธรรมชาติของเต่าทะเลวัยอ่อนมีมากมาย แม้ว่าเต่าทะเลจะยังอยู่ในไข่ แต่ปู ก็ยังสนุกกับการขุดด้วยกรงเล็บของมัน
บางทีช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในชีวิตของเต่าอายุน้อยก็คือเวลาที่มันต้องรีบออกจากรังไป สู่ทะเล ในระยะนี้ ลูกเต่าจะถูกกินโดยปู นก สุนัข สุนัขจิ้งจอกและสัตว์อื่น ๆ เมื่อลูกเต่า มาถึงน้ำ ปลาก็เป็นผู้ล่าเช่นกัน มีการประมาณว่าลูกเต่าทะเลเพียง 1 ใน 1,000 ตัว เท่านั้นที่โตเต็มวัย
วิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการตายของลูกเต่าทะเลคือให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อพาสัตว์เลี้ยงไป ที่ชายหาดที่มีเต่าวางไข่ ให้สัตว์เลี้ยงของคุณอยู่ในสายจูงเสมอและคอยดูสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของคุณ กำลังเล่นด้วย
เมื่อโตเต็มวัย จำนวนสัตว์นักล่าจะลดลงอย่างมาก ในระยะนี้ ฉลามและวาฬเพชฌฆาตเป็น สัตว์ทะเลเพียงชนิดเดียวที่เป็นอันตรายต่อเต่าทะเล
เต่าทะเลและสัตว์ผู้ล่า
อันตรายที่ใหญ่ที่สุดต่อเต่าทะเลคือมนุษย์ (และกิจกรรมของมนุษย์) ในบรรดากิจกรรมเหล่านี้ เราสามารถระบุถึง:
- การเกี่ยวพันกับในอุปกรณ์ตกปลา: อวนจับปลาอาจกลายเป็นกับดักร้ายแรงสำหรับสัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้ เนื่องจากจะไม่สามารถไปหายใจบนผิวน้ำได้อีกต่อไป จึงเสีย
- ชีวิตด้วยการจมน้ำ เบ็ดตกปลายังสามารถทำร้ายและฆ่าเต่าทะเลได้ การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์และการค้าไข่เนื้อและประดองอย่างผิดกฎหมาย: การปฏิบัติ เหล่านี้กำลังลดจำนวนเต่าทะเลตัวเต็มวัยและลูกเต่าแรกเกิด ขัดขวางการพัฒนาการของเต่ารุ่นใหม่
- มลพิษในมหาสมุทรพลาสติกและขยะในทะเล: ขยะเหล่านี้อาจถูกเต่ากินเข้าไปและนำไป สู่ความตายได้ นอกจากนี้ มลพิษยังสามารถฆ่าหรือทำลายอาหารตามธรรมชาติของพวกมัน ได้
- การพัฒนาบนชายฝั่ง: สิ่งก่อสร้างใหม่บนชายฝั่งสามารถทำลายหรือลดพื้นที่วางไข่ตาม ธรรมชาติ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการวางไข่
- ภาวะโลกร้อน: ปรากฏการณ์ระดับโลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล ทำลายความสมดุลทางธรรมชาติที่มีมานานหลายล้านปี
กิจกรรมทั้งหมดเหล่านี้ล้วนทำให้เต่าทะเลใกล้สูญพันธุ์
ผู้ช่วยเหลือเต่าทะเล
โชคดีที่มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่มที่ก่อตั้งสมาคมที่ทำงานเพื่อปกป้องเต่าทะเลผ่านการวิจัย
การศึกษา การฝึกอบรม และการปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: HEPCA, Sea Turtle Conservancy, Olive Ridley Project, See Turtles, Sea Turtle Inc., Sea Turtle Preservation Society และ The Leatherback Trust
เครดิต
ขอขอบคุณมาริโอ้พาสโซนี่ (Mario Passoni) เป็นพิเศษสำหรับการเขียนบทความนี้รวมถึง อักเนสมันชินี่ (Agnese Mancini) จากHEPCA, คริสเตียนดิแอซชูกิเซนโก (Christian Díaz Chuquisengo) จากThe Leatherback Trust,อเลสซานดราซูลิส (Alessandra Sulis) และผู้เรียบเรียงร่วมซาราห์วอร์มัลด์ (Sarah Wormald)
