การดำน้ำแบบสคูบาเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ไม่มีฟิลเตอร์ น่าตื่นเต้นและคุ้มค่าที่สุดในการสัมผัสโลกสีฟ้า
ครามของเรา ที่จริงแล้ว เราเชื่อในพลังอันยิ่งใหญ่และเท่าเทียมกันของมหาสมุทรในการช่วย เยียวยา ท้าทาย
และเปลี่ยนแปลงผู้คน ในขณะที่มีผู้หญิงน้อยกว่า 40% เพียงเล็กน้อยจากจำนวนนักดำน้ำทั้งหมดทั่วโลก
แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างเพศที่กว้างเมื่อพูดถึงการดำน้ำในระดับมืออาชีพ: ปัจจุบันผู้หญิงเป็นตัวแทนเพียง
20% ของมืออาชีพของ PADI ทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าในด้านการแพทย์ (34%) วิชาชีพด้านกฎหมาย (38%) และ
บริการทางการเงิน (น้อยกว่า 33%)
เราจะสำรวจสาเหตุที่เป็นไปได้เบื้องหลังช่องว่างนี้และวิธีแก้ไข นอกจากนี้ เราจะพูดคุยกับมืออาชีพหญิงของ
PADI ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนั้น
ฟรานเชสก้าทรอทแมน (Francesca Trotman): การปิดช่องว่างระหว่างเพศ
ฟรานเชสก้า ทรอทแมน (Francesca Trotman) เป็นนักชีววิทยาทางทะเลและเป็นกรรมการผู้จัดการและ
ผู้ก่อตั้ง Love The Oceans ในฐานะได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI เธอให้เครดิตการฝึกของเธอในการเปลี่ยนแปลง
ชีวิตของเธอในแบบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เธอทำงานใน Jangamo Bay ประเทศโมซัมบิก
ทรอทแมนและทีมของเธอสนับสนุนและส่งเสริมชุมชนท้องถิ่นในการปกป้องผืนน้ำของพวกเขา โดยพื้นฐานแล้ว
พวกเขารู้ดีว่าต้องตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานก่อนที่ผู้คนจะลงน้ำหรือเริ่มดำน้ำได้
กลับไปสู่จุดเริ่มต้น
“เพื่อปิดช่องว่างระหว่างเพศ … ในอุตสาหกรรมการดำน้ำ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องจัดลำดับความสำคัญ
ของความเที่ยงธรรมมากกว่าความเสมอภาคเพียงอย่างเดียว” ทรอตแมนกล่าว “สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการจัด
หาทรัพยากรที่จำเป็นแก่ผู้หญิงเพื่อเข้าถึงโอกาสในการสร้างทักษะเช่นเดียวกับผู้ชาย โดยจัดการกับทั้ง
อุปสรรคที่โดดเด่นหลัก ๆ และอุปสรรคที่ละเอียดอ่อน”
Love The Oceans จัดการกับช่องว่างระหว่างเพศในโมซัมบิกด้วยวิธีที่สำคัญหลาย ๆ วิธี อันดับแรก
การจัดการมีประจำเดือนอย่างเหมาะสมมักเป็นโอกาสที่จำกัดสำหรับเด็กผู้หญิงและสตรีในการว่ายน้ำและ
ดำน้ำ ทรอตแมนกล่าวว่า โครงการ “Gender Equity” ของเธอจะช่วยให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์
สำหรับประจำเดือนเพื่อให้ผู้หญิงลงน้ำได้มากขึ้น
ในน้ำ โดยจะขจัดอุปสรรคแรกในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มหาสมุทร Stella Levantesi/Photographers
Without Borders
สอง โครงการ “Free Swimming” ของทีมช่วยให้เด็กชายและเด็กหญิงในท้องถิ่นมีทักษะการว่ายน้ำ อันเป็นแบบ
อย่างที่ดีและให้พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนว่ายน้ำ 95% นั้นเป็นตัวเลขที่ “น่าตกใจ” ที่ผู้คนในพื้นที่ของตนว่ายน้ำ
ไม่เป็น ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสาหรับการดำน้ำ ทรอตแมนอธิบาย ช่องว่างในความสามารถในการว่ายน้ำนั้น “เด่น
ชัดในหมู่เด็กผู้หญิง” เนื่องจากการจัดลำดับความสำคัญทางวัฒนธรรมของเด็กผู้ชาย
ทำลายอุปสรรคสำหรับผู้หญิง
ดังนั้น ทีมงานของทรอทแมนจึงได้ฝึกอบรมครูสอนว่ายน้ำหญิงคนแรกในพื้นที่ของตน เธอกล่าวเสริมว่าบุคคล
เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กผู้หญิงและสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงว่ายน้ำ ยิ่งไปกว่านั้น “ด้วยการสนับ
สนุนของ PADI ผู้หญิงผู้บุกเบิกเหล่านี้จะกลายเป็นนักดำน้ำสคูบาหญิงชาวโมซัมบิกคนแรก ๆ ในเขตของเราใน
ไม่ช้า ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายอุปสรรคจากเพศที่จะเป็นประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบัน
ดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไปอีกด้วย” ทรอตแมนกล่าว
เมเดอลีนเซนต์แคลร์ (Madeline St Clair): การสร้างแบบอย่างที่ดี
นักชีววิทยาทางทะเล ครูผู้สอนของ PADI และผู้ก่อตั้ง Women in Ocean Science เมเดอลีน เซนต์ แคลร์
(Madeline St Clair) รู้สึกขอบคุณที่เธอเติบโตมากับการดำน้ำและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ในสหราชอาณาจักร
ตอนนี้ หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพการงานของเธอในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เธอต้องการสร้างโอกาสแบบ
เดียวกันนี้ให้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ
การดำน้ำและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โดยสร้างโอกาสเหล่านั้นให้กับผู้อื่น ภาพโดย เมเดอลีน เซนต์ แคลร์
(Madeline St Clair)
พลังที่อยู่ภายใน
“ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการเสริมพลัง พวกเขามีพลังมากอยู่แล้ว แต่เพียงต้องการโอกาสในการเข้าถึงพลัง
ของพวกเขาจากภายใน”
เซนต์แคลร์สรุปคำพูดของ Zainab Salbi โดยเสนอให้เป็นความเชื่อหลักเบื้องหลังงานของเธอในภูมิภาคอินโด
แปซิฟิก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Women in Ocean Science ได้พัฒนา “Empower Ocean” ซึ่งเป็นโครงการเสริม
สร้างขีดความสามารถและเสริมสร้างศักยภาพของสตรี ด้วยเหตุนี้เซนต์แคลร์จึงทำงานทุกวันเพื่อช่วยให้ผู้หญิง
ในท้องถิ่นเข้าถึงสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้มากขึ้น ปัจจุบัน เธอกำลังนำร่องโครงการดังกล่าวในเมืองราชาอัมพัต
ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวปะการังที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก
เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในท้องถิ่น
“เรากำลังเปิดโอกาสให้สตรีชาวปาปัวได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในฐานะผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลของตน
เองโดยร่วมมือกับผู้ถือผลประโยชน์ร่วมในท้องถิ่น” เธอกล่าว “เราทำสิ่งนี้ผ่านการค้นคว้าเกี่ยวกับอุปสรรค
เกี่ยวกับเพศ ดำเนินโครงการฝึกอบรมการดำน้ำและติดตามดูแลแนวปะการังร่วมกับผู้หญิงในท้องถิ่น…” ด้วย
วิธีนี้ พวกเขาจึงทำให้มีผู้ที่เป็นแบบอย่างที่เป็นสตรีในชุมชนของตนมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้สามารถมีจุดยืน
ที่เหมาะสมสำหรับการสนทนาในอนาคตเกี่ยวกับการจัดการและการอนุรักษ์แนวปะการัง เธอกล่าวเสริม
ตนผ่าน “Empower Ocean” ภาพโดยเมเดอลีน เซนต์ แคลร์ (Madeline St Clair)
เธอเล่าถึงการฝึกสอนผู้หญิงคนแรกจากชุมชนท้องถิ่น เซนต์แคลร์กล่าวว่า “เธอเป็นนักดำน้ำที่เก่งมาก
ตั้งแต่เริ่มต้นเลย…. เธอได้ว่ายน้ำและสน็อกเกอลิ่งรอบ ๆ น่านน้ำในบ้านเกิดของเธอมาเป็นเวลา 19 ปี
และการได้เห็นเธอดำน้ำ – ตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น – นั่นเป็นช่วงเวลาที่สวยงามจริง ๆ มันทำให้ฉัน
ตื้นตันมาก วันนั้นฉันร้องไห้ใต้น้ำเยอะมาก”
ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นแชมป์เปี้ยนที่น่าทึ่งสำหรับมหาสมุทรของเธอและทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับ
เด็กผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ “การเป็นตัวแทนมีความสำคัญจริง ๆ และฉันไม่สงสัยเลยว่าเธอจะเป็นตัวเร่งให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงสำหรับนักดำน้ำหญิงในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน” เซนต์แคลร์กล่าวเสริม “มันซาบซึ้งใจมาก
เพราะความหลงใหล ความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะเรียนรู้นั้นมีอยู่มาตลอดจริง ๆ เหมือน
ผู้หญิงนั้นมีปีกอยู่แล้ว ตอนนี้เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะมีโอกาสได้บิน”
ชาฮาฮาชิม (Shaha Hashim): การค้นหาการปลดปล่อยและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
ชาฮา ฮาชิม (Shaha Hashim) เติบโตขึ้นมาในมาเล (Male) ประเทศมัลดีฟส์ เธอเล่าถึงการเอาชนะอุปสรรค
หลาย ๆ อย่างในการเป็นได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI และการเป็นประธานและผู้จัดการโครงการ Maldives Resilient
Reefs/Maldives Programme ที่มูลนิธิ Blue Marine Foundation
เธอกล่าวว่า “ตามธรรมเนียม ผู้ชายถูกคาดหวังให้เป็นชาวประมงและนักเดินเรือ และมีอิสระในการมีปฏิสัมพันธ์
กับมหาสมุทรมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลดีกว่า แม้ว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มีผู้หญิง
เพียงไม่กี่คนในรุ่นของเราที่มีโอกาสได้สัมผัสกับความงามนั้น [ของมหาสมุทร]”
(Shaha Hashim)
ทำลายอุปสรรค์จากธรรมเนียมสำหรับผู้หญิง
แน่นอนว่าพ่อของฮาชิม (Hashim) ไม่เห็นด้วยกับการดำน้ำ ดังนั้นเธอจึงรอจนกว่าเธอจะจ่ายค่าประกาศนียบัตร
PADI Open Water Diver ของเธอเองได้และไปเรียนโดยที่เขาไม่รู้ ในที่สุดเขาก็ยอมรับ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดี
แบบนั้น เพราะเธอสังเกตเห็น เธอยังรู้ด้วยว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่มีศูนย์ดำน้ำที่ให้บริการแก่คนท้องถิ่นในมาเล
เพราะการเข้าถึงสถานประกอบการดำน้ำเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งในประเทศนี้
“การดำน้ำเป็นการปลดปล่อยฉันจริง ๆ” เธอกล่าว “ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสสังเกตและศึกษาแนวปะกา
รังหลังบ้านของเราและแบ่งปันประสบการณ์ของฉันกับคนอื่น ๆ”
ฮาชิม (Hashim) ยกย่องผู้คนที่ทำงานเพื่อทลายกำแพงอุปสรรค์จากธรรมเนียมระหว่างคนท้องถิ่นและมหาสมุทรใน
มัลดีฟส์ผ่านโปรแกรมว่ายน้ำ โปรแกรมสน็อกเกอลิ่งและโปรแกรมดำน้ำแบบสคูบา ในฐานะได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI
เธอยังนำทางผู้คนใต้น้ำและเป็นผู้นำทีมสำรวจแนวปะการังในน่านน้ำบ้านเกิดของเธออีกด้วย
นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนของ PADI เธอจัดโปรแกรมวิทยาศาสตร์พลเมืองเพื่อสอนคนหนุ่มสาวในอะทอลล์นี้ให้
ดำเนินการตรวจสอบระบบนิเวศ จนถึงตอนนี้ เธอได้ฝึกคน 15 คนจากชุมชนให้เป็นนักดำน้ำ PADI Open Water Diver
ที่ได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมในการติดตามแนวปะการังในทางวิทยาศาสตร์
เป็นสักขีพยานในความงามของมัน โดยอเล็กซ์ มัสตาร์ด (Alex Mustard)
ให้เธอช่วยให้ผู้อื่นได้สัมผัสกับความงามของมันเช่นกัน ภาพโดยชาฮา ฮาชิม (Shaha Hashim)
“ฉันได้เห็นแล้วว่าการรับรู้ของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อพวกเขาเข้าใจถึงความเปราะบางและความเชื่อมโยงกัน
ของแนวปะการัง แทนที่จะมองว่าเป็นเพียงสถานที่ที่จะนำไปใช้ประโยชน์” เธอกล่าว “นักวิทยาศาสตร์พลเมือง
ของเราบางคนกลายเป็นผู้สนับสนุนมหาสมุทรในชุมชนของตนและคนอื่น ๆ บางคนก็ได้พบโอกาสในการประกอบ
อาชีพด้านการดำน้ำและการอนุรักษ์”
การมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรม
อันดับสุดท้าย เธอยังเชื่อด้วยว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทรัพยากรทางทะเลของมัลดีฟส์
และสร้างรายได้มหาศาลจากทรัพยากรเหล่านี้ จำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านี้ พวกเขาควรสร้างการเข้าถึงและ
กิจกรรมเพื่อสร้างประสบการในมหาสมุทรสำหรับนักเรียนในท้องถิ่นและผู้ปกครอง เธอยังสนับสนุนให้คำแนะนำ
และให้คำปรึกษาสำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการประกอบอาชีพด้านการดำน้ำอีกด้วย
แคลลี่วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf): เข้าหาคนรุ่นต่อไป
แคลลี่ วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf) เป็นนักชีววิทยาทางทะเล ได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI National Geographic
Explorer และเป็นผู้อำนวยการบริหารของโครงการ Leatherback Project นอกเหนือจากการสนับสนุนข้อเสนอ
การอนุรักษ์ที่มีผลกระทบสูงทั่วโลกและการพัฒนากฎหมาย Rights of Nature แล้ว เธอยังมุ่งเน้นไปที่การปกป้อง
หมู่เกาะเพิร์ล (Pearl Islands) ที่ประเทศปานามา เธอเชื่อว่าบริเวณนี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งวางไข่และหาอาหารของ
เต่าทะเล จึงร่วมมือกับคนในท้องถิ่นเพื่อทำความเข้าใจและปกป้องหมู่เกาะนี้ให้ดียิ่งขึ้น
แคลลี่ วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf) ทำงานร่วมกับคนในท้องถิ่นที่ปานามาเพื่อศึกษาและติดแท็กเต่า
ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่นี่เด็ก ๆ ในท้องถิ่นบนเกาะ Saboga รวมตัวกันเพื่อเรียนรู้จากเธอและทีมของเธอ
ภาพโดย Tiffany Duong/Ocean Rebels
เตรียมความพร้อมให้กับคนในท้องถิ่น
“การนำผู้หญิงเข้าสู่ชุมชนการดำน้ำตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นวิธีที่ดีในการปิดช่องว่างระหว่างเพศ” วีเลนเทิร์ฟกล่าว
“การให้นักดำน้ำหญิงพูดในโรงเรียนและเป็นผู้นำโครงการหลังเลิกเรียนสามารถช่วยให้เยาวชนหญิงเข้าใจตั้ง
แต่อายุยังน้อยว่าพวกเธอมามีบทบาทในสาขานี้ได้!”
วีเลนเทิร์ฟกำลังสวมตีนกบของเธอเพื่อลงไปในน้ำและทำสิ่งนี้ใน Saboga หมู่บ้านหนึ่งในหมู่เกาะเพิร์ล ที่นั่น
เป็นที่ที่โครงการ The Leatherback Project อำนวยความสะดวกในการสน็อกเกอลิ่งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
ในท้องถิ่น นอกจากนี้ องค์กรนี้ยังมอบหน้ากาก สน็อกเกอล์และตีนกบชุดแรกให้กับพวกเขาอีกด้วย Aida
Magaña ผู้รับอุปกรณ์ที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง กำลังลงสมัครเป็นตัวแทนพื้นที่ท้องถิ่นของเธอในการเลือกตั้งครั้ง
ต่อไป เธอยังเป็น Pearl Islands Hope Spot Champion จาก Mission Blue ของซิลเวีย เอิร์ล (Sylvia Earle)
อีกด้วย
ลงสมัครเป็นตัวแทนท้องถิ่นและเป็น Hope Spot Champion ของหมู่เกาะเพิร์ลในปานามา The Leatherback
Project
ป้ายดำน้ำให้กับเต่าทะเล หลังจากที่เขาพบมันการสน็อกเกอลิ่งครั้งแรกในทะเลเป็นครั้งแรก ภาพโดย Tiffany
Duong/Ocean Rebels
สองปีต่อมา เขาดำน้ำและช่วยเธอสำรวจ โดยหวังว่าจะได้เป็นนักชีววิทยาทางทะเลด้วยตัวเอง The Leatherback
Project
จุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์
นอกเหนือจากการทำความคุ้นเคยกับผืนน้ำแล้ว วีเลนเทิร์ฟยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นในการอนุรักษ์มหาสมุทร
อีกด้วย นักชีววิทยาพื้นเมือง Ramiselia Ramirez ไม่เคยทำงานกับเต่าทะเลมาก่อนและตอนนี้เธอได้รับการฝึกฝน
ให้ช่วยเหลือวีเลนเทิร์ฟ นอกจากนี้ นักชีววิทยาดังกล่าวยังได้พบกับพี่น้อง Sabogan Ibdiel และ Zulema Gutiérrez
ในท้องถิ่นเมื่อพวกเขาอายุ 10 ขวบและ 8 ขวบตามลำดับ ตั้งแต่นั้นมา นักชีววิทยาดังกล่าวได้มอบอุปกรณ์สน็อก
เกอลิ่งของตัวเองให้เป็นของขวัญ และพวกเขาก็สำรวจร่วมกับทีมของเธอทุกโอกาสที่ทำได้
“มันรู้สึกเป็นแรงบันดาลใจและเป็นสิ่งที่ปลูกฝังความหวังอย่างมากในการแนะนำให้ผู้คนรู้จักงานอนุรักษ์” วีเลนเทินร์ฟ
กล่าว “มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีความหวังสำหรับอนาคตของโลก คนหนุ่มสาวเหล่านี้ใส่ใจเกี่ยวกับเต่าและระบบนิเวศ
ทางทะเลที่อยู่เคียงข้างชุมชนของพวกเขาเป็นอย่างมาก”
คลอเดียชมิตต์ (Claudia Schmitt): นำสู่วิสัยทัศน์ไปให้ไกลมากขึ้น
คลอเดีย ชมิตต์ (Claudia Schmitt) เป็นได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI และผู้สร้างภาพยนตร์ใต้น้ำกับ The Jetlagged
“การดำน้ำเปลี่ยนมุมมองของคุณ” เธอกล่าว “คุณเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่หลายคนไม่สามารถเข้าถึงได้” ตอนนี้เธอ
สร้างและจำลองโลกเหล่านี้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน
การใช้ภาพยนตร์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
ชมิตต์กล่าวว่าเธอใช้งานศิลปะของเธอในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์เพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามาและสร้างแรงบันดาลใจให้
พวกเขาสำรวจและดำน้ำด้วยตนเอง
เมื่อเธอเริ่มมีส่วนร่วมกับการสร้างภาพยนตร์เชิงอนุรักษ์มากขึ้น เธอก็ตระหนักว่ารูปภาพของเธอสามารถสนับสนุน
งานสำคัญนั้นได้ นอกจากนี้ ชมิตต์กล่าวเสริมว่า “ทุก ๆ วันเราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนมากมาย ซึ่งมักเป็น
นักดำน้ำที่กำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องมหาสมุทร ฉันเชื่อว่าในฐานะนักดำน้ำ เราทุกคนสามารถเป็นทูต
ของโลกใต้น้ำได้!”
ในการเล่าเรื่องของเธอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปกป้องมหาสมุทร ภาพโดยบาร์นีย์ ไซเออร์ (Barney
Seier)
การสร้างโลกใบใหม่
ทีมงาน Jetlagged ยังใช้ภาพยนตร์ Virtual Reality เพื่อทำให้การเล่าเรื่องของพวกเขามีผลกระทบและกว้าง
ขวางยิ่งขึ้น เธอเล่าว่า 99.9% ของประชากรโลกไม่ดำน้ำหรือสามารถเข้าถึงโลกใต้น้ำได้ “Virtual Reality
สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้ด้วยการนำประสบการณ์มหาสมุทรที่ไม่เหมือนใครมาสู่ผู้ชมด้วยวิธีทางอารมณ์
ที่ลึกซึ้ง ช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของมหาสมุทรที่สมบูรณ์เพื่อความอยู่รอดของเราเองบนโลกใบนี้”
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ VR ยังเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องที่ทรงพลังซึ่งสร้าง “ประสบการณ์ที่รู้สึกได้อย่างแท้
จริงของผู้ชมเกี่ยวกับสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก – ใต้มหาสมุทร” ชมิตต์กล่าว
The Jetlagged ใช้ VR และภาพยนตร์เพื่อช่วยให้ผู้ที่อยู่บนผืนดินทุกที่และทุกแห่งได้สำรวจและสัมผัสกับ
ความงามแห่งท้องทะเลลึก
คำแนะนำจากมืออาชีพหญิงของ PADI ของเรา
อย่างที่คุณเห็นมืออาชีพของ PADI สุดเจ๋งเหล่านี้กำลังเป็นผู้นำในการทำให้อุตสาหกรรมการดำน้ำเป็นที่ต้อนรับ
เสมอภาคและเข้าถึงได้มากขึ้น – สำหรับทุกคน สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการและอยากเห็น และ
พวกเขาได้แบ่งปันคำแนะนำสุดท้ายสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่คิดจะเป็นมืออาชีพของ PADI:
- ทรอตแมน: “ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในด้านการดำน้ำและโลกของ การอนุรักษ์ทางทะเลในวงกว้าง … จำไว้ว่าการปรากฏตัวและการอุทิศตนของคุณมีพลังที่จะท้าทายบรรทัดฐานเหล่านี้และปูทางไปสู่การไม่แบ่งแยกมากขึ้น…. สิ่งสำคัญไม่เพียงแต่อยู่ที่การทำลายอุป สรรคเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยื่นมือออกไปช่วยเพื่อยกระดับและสนับสนุนผู้ที่จะติดตามคุณ ด้วย”
- เซนต์แคลร์: “ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศและความสมบูรณ์ของมหาสมุทรมีความเชื่อมโยงกัน อย่างแท้จริง เรารู้ว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมอย่างไม่สมสัดส่วน แม้ว่าจะถูกอ้างถึงว่าเป็นตัวแทนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรของเรา. และการวิจัยต่าง ๆ ได้พิสูจน์ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าถึงความสามารถของพวกเขาในการดูแลทะเล …. นี่คือสาเหตุที่ความเสมอภาคในโอกาสมีความสำคัญมาก โดยการสร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงได้มีที่ยืนในเวที การอนุรักษ์มหาสมุทร”
- ฮาชิม: “คุณจะไม่เพียงได้รับความมั่นใจในฐานะนักดำน้ำเท่านั้นแต่การมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับมหาสมุทรและแชร์ประสบการณ์กับผู้อื่นจะทำให้คุณมีความสุขและเติมเต็ม การดำเนินการที่สร้างแรงบันดาลใจเพื่อปกป้องมหาสมุทรด้วยการดำน้ำเป็นวิธีหนึ่งที่คุณสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันได้”
- วีเลนเทินร์ฟ: “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เป็นผู้หญิงในการดำน้ำและการก้าวข้ามขีดจำกัดและทัศนคติแบบเหมารวมเกี่ยวกับเพศ เราทุกคนสามารถทำงานเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในสาขางานนี้ที่. อาจรู้สึกว่าไม่เหมาะกับพวกเขาหรืออาจได้รับการบอกกล่าวตั้งแต่อายุยังน้อยว่าพวกเขาไม่สามารถ ผจญภัยและห้าวหาญได้เท่ากับเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายของพวกเขา”
- ชมิตต์: “เป็นเลย ทีละขั้นตอน สร้างความความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น เราไม่ใช่คู่แข่ง เราเป็นพันธมิตรกัน สร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วย พวกเขาเป็นเพื่อนของเรา ไม่ใช่ศัตรูของเรา เราเป็นชุมชนดำน้ำชุมชนเดียวกันและเราเชื่อมโยงกันด้วยความรักในมหาสมุทร”
และทำงานอนุรักษ์ที่สำคัญ ภาพโดย Danielle Da Silva/Photographers Without Borders
อ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้หญิงและความหลากหลายในการดำน้ำ
- ผู้หญิง 7 คนในการอุตสาหกรรมดำน้ำทุกคนควรรู้จัก
- สตรีผู้สร้างแรงบันดาลใจที่เรียกร้องให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในการดำน้ำ
- วิธีที่ PADI ส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกในอุตสาหกรรมดำน้ำ
- หญิงสาวทั้ง 10 คนที่สร้างผลกระทบต่อการอนุรักษ์
- การดำน้ำสร้างชุมชนที่เราต้องการ
- Course Directors หญิงกำลังทำการลงในน้ำท่าไจแอนสไตรด์สู่อุตสาหกรรมดำน้ำ
- PADI Women ปกป้องมหาสมุทร