การดำน้ำแบบสคูบาเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ไม่มีฟิลเตอร์ น่าตื่นเต้นและคุ้มค่าที่สุดในการสัมผัสโลกสีฟ้า

ครามของเรา ที่จริงแล้ว เราเชื่อในพลังอันยิ่งใหญ่และเท่าเทียมกันของมหาสมุทรในการช่วย เยียวยา ท้าทาย

และเปลี่ยนแปลงผู้คน ในขณะที่มีผู้หญิงน้อยกว่า 40% เพียงเล็กน้อยจากจำนวนนักดำน้ำทั้งหมดทั่วโลก 

แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างเพศที่กว้างเมื่อพูดถึงการดำน้ำในระดับมืออาชีพ: ปัจจุบันผู้หญิงเป็นตัวแทนเพียง 

20% ของมืออาชีพของ PADI ทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าในด้านการแพทย์ (34%) วิชาชีพด้านกฎหมาย (38%) และ

บริการทางการเงิน (น้อยกว่า 33%) 

เราจะสำรวจสาเหตุที่เป็นไปได้เบื้องหลังช่องว่างนี้และวิธีแก้ไข นอกจากนี้ เราจะพูดคุยกับมืออาชีพหญิงของ 

PADI ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนั้น 


ฟรานเชสก้าทรอทแมน (Francesca Trotman): การปิดช่องว่างระหว่างเพศ

ฟรานเชสก้า ทรอทแมน (Francesca Trotman) เป็นนักชีววิทยาทางทะเลและเป็นกรรมการผู้จัดการและ

ผู้ก่อตั้ง Love The Oceans ในฐานะได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI เธอให้เครดิตการฝึกของเธอในการเปลี่ยนแปลง

ชีวิตของเธอในแบบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เธอทำงานใน Jangamo Bay ประเทศโมซัมบิก 

ทรอทแมนและทีมของเธอสนับสนุนและส่งเสริมชุมชนท้องถิ่นในการปกป้องผืนน้ำของพวกเขา โดยพื้นฐานแล้ว 

พวกเขารู้ดีว่าต้องตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานก่อนที่ผู้คนจะลงน้ำหรือเริ่มดำน้ำได้

กลับไปสู่จุดเริ่มต้น

“เพื่อปิดช่องว่างระหว่างเพศ … ในอุตสาหกรรมการดำน้ำ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องจัดลำดับความสำคัญ

ของความเที่ยงธรรมมากกว่าความเสมอภาคเพียงอย่างเดียว” ทรอตแมนกล่าว “สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการจัด

หาทรัพยากรที่จำเป็นแก่ผู้หญิงเพื่อเข้าถึงโอกาสในการสร้างทักษะเช่นเดียวกับผู้ชาย โดยจัดการกับทั้ง

อุปสรรคที่โดดเด่นหลัก ๆ และอุปสรรคที่ละเอียดอ่อน”

Love The Oceans จัดการกับช่องว่างระหว่างเพศในโมซัมบิกด้วยวิธีที่สำคัญหลาย ๆ วิธี อันดับแรก

การจัดการมีประจำเดือนอย่างเหมาะสมมักเป็นโอกาสที่จำกัดสำหรับเด็กผู้หญิงและสตรีในการว่ายน้ำและ

ดำน้ำ ทรอตแมนกล่าวว่า โครงการ “Gender Equity” ของเธอจะช่วยให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์

สำหรับประจำเดือนเพื่อให้ผู้หญิงลงน้ำได้มากขึ้น 

Two swim instructors help local kids learn water proficiency.
Love the Oceans ทำงานเพื่อช่วยให้คนในท้องถิ่นมีความสามารถในการว่ายน้ำขั้นพื้นฐานและความผ่อนคลาย
ในน้ำ โดยจะขจัดอุปสรรคแรกในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มหาสมุทร Stella Levantesi/Photographers 
Without Borders

สอง โครงการ “Free Swimming” ของทีมช่วยให้เด็กชายและเด็กหญิงในท้องถิ่นมีทักษะการว่ายน้ำ อันเป็นแบบ

อย่างที่ดีและให้พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนว่ายน้ำ 95% นั้นเป็นตัวเลขที่ “น่าตกใจ” ที่ผู้คนในพื้นที่ของตนว่ายน้ำ

ไม่เป็น ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสาหรับการดำน้ำ ทรอตแมนอธิบาย ช่องว่างในความสามารถในการว่ายน้ำนั้น “เด่น

ชัดในหมู่เด็กผู้หญิง” เนื่องจากการจัดลำดับความสำคัญทางวัฒนธรรมของเด็กผู้ชาย

ทำลายอุปสรรคสำหรับผู้หญิง

ดังนั้น ทีมงานของทรอทแมนจึงได้ฝึกอบรมครูสอนว่ายน้ำหญิงคนแรกในพื้นที่ของตน เธอกล่าวเสริมว่าบุคคล

เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กผู้หญิงและสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงว่ายน้ำ ยิ่งไปกว่านั้น “ด้วยการสนับ

สนุนของ PADI ผู้หญิงผู้บุกเบิกเหล่านี้จะกลายเป็นนักดำน้ำสคูบาหญิงชาวโมซัมบิกคนแรก ๆ ในเขตของเราใน

ไม่ช้า ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายอุปสรรคจากเพศที่จะเป็นประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบัน

ดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไปอีกด้วย” ทรอตแมนกล่าว


เมเดอลีนเซนต์แคลร์ (Madeline St Clair): การสร้างแบบอย่างที่ดี

นักชีววิทยาทางทะเล ครูผู้สอนของ PADI และผู้ก่อตั้ง Women in Ocean Science เมเดอลีน เซนต์ แคลร์ 

(Madeline St Clair) รู้สึกขอบคุณที่เธอเติบโตมากับการดำน้ำและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ในสหราชอาณาจักร 

ตอนนี้ หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพการงานของเธอในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เธอต้องการสร้างโอกาสแบบ 

เดียวกันนี้ให้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ

A woman freediver floats in a column of light. THe water is aqua.
เมเดอลีน เซนต์ แคลร์ (Madeline St Clair) “มอบคืน” โอกาสที่เธอมีเมื่อเติบโตขึ้นมาในสหราชอาณาจักรใน
การดำน้ำและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โดยสร้างโอกาสเหล่านั้นให้กับผู้อื่น ภาพโดย เมเดอลีน เซนต์ แคลร์ 
(Madeline St Clair) 

พลังที่อยู่ภายใน

“ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการเสริมพลัง พวกเขามีพลังมากอยู่แล้ว แต่เพียงต้องการโอกาสในการเข้าถึงพลัง

ของพวกเขาจากภายใน”

เซนต์แคลร์สรุปคำพูดของ Zainab Salbi โดยเสนอให้เป็นความเชื่อหลักเบื้องหลังงานของเธอในภูมิภาคอินโด

แปซิฟิก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Women in Ocean Science ได้พัฒนา “Empower Ocean” ซึ่งเป็นโครงการเสริม

สร้างขีดความสามารถและเสริมสร้างศักยภาพของสตรี ด้วยเหตุนี้เซนต์แคลร์จึงทำงานทุกวันเพื่อช่วยให้ผู้หญิง

ในท้องถิ่นเข้าถึงสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้มากขึ้น ปัจจุบัน เธอกำลังนำร่องโครงการดังกล่าวในเมืองราชาอัมพัต 

ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวปะการังที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก 

เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในท้องถิ่น

“เรากำลังเปิดโอกาสให้สตรีชาวปาปัวได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในฐานะผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลของตน

เองโดยร่วมมือกับผู้ถือผลประโยชน์ร่วมในท้องถิ่น” เธอกล่าว “เราทำสิ่งนี้ผ่านการค้นคว้าเกี่ยวกับอุปสรรค

เกี่ยวกับเพศ ดำเนินโครงการฝึกอบรมการดำน้ำและติดตามดูแลแนวปะการังร่วมกับผู้หญิงในท้องถิ่น…” ด้วย

วิธีนี้ พวกเขาจึงทำให้มีผู้ที่เป็นแบบอย่างที่เป็นสตรีในชุมชนของตนมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้สามารถมีจุดยืน

ที่เหมาะสมสำหรับการสนทนาในอนาคตเกี่ยวกับการจัดการและการอนุรักษ์แนวปะการัง เธอกล่าวเสริม 

Madeline St Clair teachers others to swim and dive.
เมเดอลีน เซนต์ แคลร์ (Madeline St Clair) สอนผู้หญิงในท้องถิ่นให้เป็นผู้พิทักษ์น่านน้ำที่บ้านเกิดของ
ตนผ่าน “Empower Ocean” ภาพโดยเมเดอลีน เซนต์ แคลร์ (Madeline St Clair)

เธอเล่าถึงการฝึกสอนผู้หญิงคนแรกจากชุมชนท้องถิ่น เซนต์แคลร์กล่าวว่า “เธอเป็นนักดำน้ำที่เก่งมาก

ตั้งแต่เริ่มต้นเลย…. เธอได้ว่ายน้ำและสน็อกเกอลิ่งรอบ ๆ น่านน้ำในบ้านเกิดของเธอมาเป็นเวลา 19 ปี 

และการได้เห็นเธอดำน้ำ – ตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น – นั่นเป็นช่วงเวลาที่สวยงามจริง ๆ มันทำให้ฉัน

ตื้นตันมาก วันนั้นฉันร้องไห้ใต้น้ำเยอะมาก”

ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นแชมป์เปี้ยนที่น่าทึ่งสำหรับมหาสมุทรของเธอและทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับ

เด็กผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ “การเป็นตัวแทนมีความสำคัญจริง ๆ และฉันไม่สงสัยเลยว่าเธอจะเป็นตัวเร่งให้เกิด

การเปลี่ยนแปลงสำหรับนักดำน้ำหญิงในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน” เซนต์แคลร์กล่าวเสริม “มันซาบซึ้งใจมาก 

เพราะความหลงใหล ความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะเรียนรู้นั้นมีอยู่มาตลอดจริง ๆ เหมือน

ผู้หญิงนั้นมีปีกอยู่แล้ว ตอนนี้เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะมีโอกาสได้บิน”


ชาฮาฮาชิม (Shaha Hashim): การค้นหาการปลดปล่อยและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

ชาฮา ฮาชิม (Shaha Hashim) เติบโตขึ้นมาในมาเล (Male) ประเทศมัลดีฟส์ เธอเล่าถึงการเอาชนะอุปสรรค

หลาย ๆ อย่างในการเป็นได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI และการเป็นประธานและผู้จัดการโครงการ Maldives Resilient 

Reefs/Maldives Programme ที่มูลนิธิ Blue Marine Foundation 

เธอกล่าวว่า “ตามธรรมเนียม ผู้ชายถูกคาดหวังให้เป็นชาวประมงและนักเดินเรือ และมีอิสระในการมีปฏิสัมพันธ์

กับมหาสมุทรมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลดีกว่า แม้ว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มีผู้หญิง

เพียงไม่กี่คนในรุ่นของเราที่มีโอกาสได้สัมผัสกับความงามนั้น [ของมหาสมุทร]”

Shaha Hashim guides citizen scientists doing ocean surveys
ชาฮา ฮาชิม (Shaha Hashim) นำทางนักวิทยาศาสตร์พลเมืองในการสำรวจมหาสมุทร ภาพโดย ชาฮา ฮาชิม 
(Shaha Hashim) 

ทำลายอุปสรรค์จากธรรมเนียมสำหรับผู้หญิง

แน่นอนว่าพ่อของฮาชิม (Hashim) ไม่เห็นด้วยกับการดำน้ำ ดังนั้นเธอจึงรอจนกว่าเธอจะจ่ายค่าประกาศนียบัตร  

 PADI Open Water Diver ของเธอเองได้และไปเรียนโดยที่เขาไม่รู้ ในที่สุดเขาก็ยอมรับ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดี

แบบนั้น เพราะเธอสังเกตเห็น เธอยังรู้ด้วยว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่มีศูนย์ดำน้ำที่ให้บริการแก่คนท้องถิ่นในมาเล

เพราะการเข้าถึงสถานประกอบการดำน้ำเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งในประเทศนี้ 

“การดำน้ำเป็นการปลดปล่อยฉันจริง ๆ” เธอกล่าว “ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสสังเกตและศึกษาแนวปะกา

รังหลังบ้านของเราและแบ่งปันประสบการณ์ของฉันกับคนอื่น ๆ”

ฮาชิม (Hashim) ยกย่องผู้คนที่ทำงานเพื่อทลายกำแพงอุปสรรค์จากธรรมเนียมระหว่างคนท้องถิ่นและมหาสมุทรใน

มัลดีฟส์ผ่านโปรแกรมว่ายน้ำ โปรแกรมสน็อกเกอลิ่งและโปรแกรมดำน้ำแบบสคูบา ในฐานะได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI 

เธอยังนำทางผู้คนใต้น้ำและเป็นผู้นำทีมสำรวจแนวปะการังในน่านน้ำบ้านเกิดของเธออีกด้วย 

นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนของ PADI เธอจัดโปรแกรมวิทยาศาสตร์พลเมืองเพื่อสอนคนหนุ่มสาวในอะทอลล์นี้ให้

ดำเนินการตรวจสอบระบบนิเวศ จนถึงตอนนี้ เธอได้ฝึกคน 15 คนจากชุมชนให้เป็นนักดำน้ำ PADI Open Water Diver 

ที่ได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมในการติดตามแนวปะการังในทางวิทยาศาสตร์

“ฉันได้เห็นแล้วว่าการรับรู้ของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อพวกเขาเข้าใจถึงความเปราะบางและความเชื่อมโยงกัน

ของแนวปะการัง แทนที่จะมองว่าเป็นเพียงสถานที่ที่จะนำไปใช้ประโยชน์” เธอกล่าว “นักวิทยาศาสตร์พลเมือง

ของเราบางคนกลายเป็นผู้สนับสนุนมหาสมุทรในชุมชนของตนและคนอื่น ๆ บางคนก็ได้พบโอกาสในการประกอบ

อาชีพด้านการดำน้ำและการอนุรักษ์”

การมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรม

อันดับสุดท้าย เธอยังเชื่อด้วยว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทรัพยากรทางทะเลของมัลดีฟส์

และสร้างรายได้มหาศาลจากทรัพยากรเหล่านี้ จำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านี้ พวกเขาควรสร้างการเข้าถึงและ

กิจกรรมเพื่อสร้างประสบการในมหาสมุทรสำหรับนักเรียนในท้องถิ่นและผู้ปกครอง เธอยังสนับสนุนให้คำแนะนำ

และให้คำปรึกษาสำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการประกอบอาชีพด้านการดำน้ำอีกด้วย


แคลลี่วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf): เข้าหาคนรุ่นต่อไป

แคลลี่ วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf) เป็นนักชีววิทยาทางทะเล ได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI National Geographic 

Explorer และเป็นผู้อำนวยการบริหารของโครงการ Leatherback Project นอกเหนือจากการสนับสนุนข้อเสนอ

การอนุรักษ์ที่มีผลกระทบสูงทั่วโลกและการพัฒนากฎหมาย Rights of Nature แล้ว เธอยังมุ่งเน้นไปที่การปกป้อง

หมู่เกาะเพิร์ล (Pearl Islands) ที่ประเทศปานามา เธอเชื่อว่าบริเวณนี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งวางไข่และหาอาหารของ

เต่าทะเล จึงร่วมมือกับคนในท้องถิ่นเพื่อทำความเข้าใจและปกป้องหมู่เกาะนี้ให้ดียิ่งขึ้น

A group of conservationists and local children gather around a sea turtle with a new satellite tag on it. It's night, and the turtle has a towel over its eyes to keep it calm. One man holds up the Panamanian flag.

แคลลี่ วีเลนเทิร์ฟ (Callie Veelenturf) ทำงานร่วมกับคนในท้องถิ่นที่ปานามาเพื่อศึกษาและติดแท็กเต่า
ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่นี่เด็ก ๆ ในท้องถิ่นบนเกาะ Saboga รวมตัวกันเพื่อเรียนรู้จากเธอและทีมของเธอ 
ภาพโดย Tiffany Duong/Ocean Rebels 

เตรียมความพร้อมให้กับคนในท้องถิ่น

“การนำผู้หญิงเข้าสู่ชุมชนการดำน้ำตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นวิธีที่ดีในการปิดช่องว่างระหว่างเพศ” วีเลนเทิร์ฟกล่าว

“การให้นักดำน้ำหญิงพูดในโรงเรียนและเป็นผู้นำโครงการหลังเลิกเรียนสามารถช่วยให้เยาวชนหญิงเข้าใจตั้ง

แต่อายุยังน้อยว่าพวกเธอมามีบทบาทในสาขานี้ได้!”

วีเลนเทิร์ฟกำลังสวมตีนกบของเธอเพื่อลงไปในน้ำและทำสิ่งนี้ใน Saboga หมู่บ้านหนึ่งในหมู่เกาะเพิร์ล ที่นั่น

เป็นที่ที่โครงการ The Leatherback Project อำนวยความสะดวกในการสน็อกเกอลิ่งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

ในท้องถิ่น นอกจากนี้ องค์กรนี้ยังมอบหน้ากาก สน็อกเกอล์และตีนกบชุดแรกให้กับพวกเขาอีกด้วย Aida 

Magaña ผู้รับอุปกรณ์ที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง กำลังลงสมัครเป็นตัวแทนพื้นที่ท้องถิ่นของเธอในการเลือกตั้งครั้ง

ต่อไป เธอยังเป็น Pearl Islands Hope Spot Champion จาก Mission Blue ของซิลเวีย เอิร์ล (Sylvia Earle) 

อีกด้วย

จุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์

นอกเหนือจากการทำความคุ้นเคยกับผืนน้ำแล้ว วีเลนเทิร์ฟยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นในการอนุรักษ์มหาสมุทร

อีกด้วย นักชีววิทยาพื้นเมือง Ramiselia Ramirez ไม่เคยทำงานกับเต่าทะเลมาก่อนและตอนนี้เธอได้รับการฝึกฝน

ให้ช่วยเหลือวีเลนเทิร์ฟ นอกจากนี้ นักชีววิทยาดังกล่าวยังได้พบกับพี่น้อง Sabogan Ibdiel และ Zulema Gutiérrez 

ในท้องถิ่นเมื่อพวกเขาอายุ 10 ขวบและ 8 ขวบตามลำดับ ตั้งแต่นั้นมา นักชีววิทยาดังกล่าวได้มอบอุปกรณ์สน็อก

เกอลิ่งของตัวเองให้เป็นของขวัญ และพวกเขาก็สำรวจร่วมกับทีมของเธอทุกโอกาสที่ทำได้

“มันรู้สึกเป็นแรงบันดาลใจและเป็นสิ่งที่ปลูกฝังความหวังอย่างมากในการแนะนำให้ผู้คนรู้จักงานอนุรักษ์” วีเลนเทินร์ฟ

กล่าว “มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีความหวังสำหรับอนาคตของโลก คนหนุ่มสาวเหล่านี้ใส่ใจเกี่ยวกับเต่าและระบบนิเวศ

ทางทะเลที่อยู่เคียงข้างชุมชนของพวกเขาเป็นอย่างมาก”


คลอเดียชมิตต์ (Claudia Schmitt): นำสู่วิสัยทัศน์ไปให้ไกลมากขึ้น

คลอเดีย ชมิตต์ (Claudia Schmitt) เป็นได๊พ์มาสเตอร์ของ PADI และผู้สร้างภาพยนตร์ใต้น้ำกับ The Jetlagged 

“การดำน้ำเปลี่ยนมุมมองของคุณ” เธอกล่าว “คุณเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่หลายคนไม่สามารถเข้าถึงได้” ตอนนี้เธอ

สร้างและจำลองโลกเหล่านี้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน

การใช้ภาพยนตร์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

ชมิตต์กล่าวว่าเธอใช้งานศิลปะของเธอในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์เพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามาและสร้างแรงบันดาลใจให้

พวกเขาสำรวจและดำน้ำด้วยตนเอง

เมื่อเธอเริ่มมีส่วนร่วมกับการสร้างภาพยนตร์เชิงอนุรักษ์มากขึ้น เธอก็ตระหนักว่ารูปภาพของเธอสามารถสนับสนุน

งานสำคัญนั้นได้ นอกจากนี้ ชมิตต์กล่าวเสริมว่า “ทุก ๆ วันเราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนมากมาย ซึ่งมักเป็น

นักดำน้ำที่กำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องมหาสมุทร ฉันเชื่อว่าในฐานะนักดำน้ำ เราทุกคนสามารถเป็นทูต

ของโลกใต้น้ำได้!”

Claudia Schmitt floats with her camera
คลอเดีย ชมิตต์ (Claudia Schmitt) จาก The Jetlagged ใช้ทักษะมืออาชีพของ PADI และความสามารถ
ในการเล่าเรื่องของเธอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปกป้องมหาสมุทร ภาพโดยบาร์นีย์ ไซเออร์ (Barney 
Seier) 

การสร้างโลกใบใหม่

ทีมงาน Jetlagged ยังใช้ภาพยนตร์ Virtual Reality เพื่อทำให้การเล่าเรื่องของพวกเขามีผลกระทบและกว้าง

ขวางยิ่งขึ้น เธอเล่าว่า 99.9% ของประชากรโลกไม่ดำน้ำหรือสามารถเข้าถึงโลกใต้น้ำได้ “Virtual Reality

สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้ด้วยการนำประสบการณ์มหาสมุทรที่ไม่เหมือนใครมาสู่ผู้ชมด้วยวิธีทางอารมณ์

ที่ลึกซึ้ง ช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของมหาสมุทรที่สมบูรณ์เพื่อความอยู่รอดของเราเองบนโลกใบนี้”

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ VR ยังเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องที่ทรงพลังซึ่งสร้าง “ประสบการณ์ที่รู้สึกได้อย่างแท้

จริงของผู้ชมเกี่ยวกับสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก – ใต้มหาสมุทร” ชมิตต์กล่าว

The Jetlagged ใช้ VR และภาพยนตร์เพื่อช่วยให้ผู้ที่อยู่บนผืนดินทุกที่และทุกแห่งได้สำรวจและสัมผัสกับ

ความงามแห่งท้องทะเลลึก


คำแนะนำจากมืออาชีพหญิงของ PADI ของเรา

อย่างที่คุณเห็นมืออาชีพของ PADI สุดเจ๋งเหล่านี้กำลังเป็นผู้นำในการทำให้อุตสาหกรรมการดำน้ำเป็นที่ต้อนรับ  

 เสมอภาคและเข้าถึงได้มากขึ้น – สำหรับทุกคน สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการและอยากเห็น และ

พวกเขาได้แบ่งปันคำแนะนำสุดท้ายสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่คิดจะเป็นมืออาชีพของ PADI:

  • ทรอตแมน: “ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในด้านการดำน้ำและโลกของ การอนุรักษ์ทางทะเลในวงกว้าง … จำไว้ว่าการปรากฏตัวและการอุทิศตนของคุณมีพลังที่จะท้าทายบรรทัดฐานเหล่านี้และปูทางไปสู่การไม่แบ่งแยกมากขึ้น…. สิ่งสำคัญไม่เพียงแต่อยู่ที่การทำลายอุป สรรคเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยื่นมือออกไปช่วยเพื่อยกระดับและสนับสนุนผู้ที่จะติดตามคุณ ด้วย”
  • เซนต์แคลร์: “ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศและความสมบูรณ์ของมหาสมุทรมีความเชื่อมโยงกัน อย่างแท้จริง เรารู้ว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมอย่างไม่สมสัดส่วน แม้ว่าจะถูกอ้างถึงว่าเป็นตัวแทนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรของเรา. และการวิจัยต่าง ๆ ได้พิสูจน์ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าถึงความสามารถของพวกเขาในการดูแลทะเล ….  นี่คือสาเหตุที่ความเสมอภาคในโอกาสมีความสำคัญมาก โดยการสร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงได้มีที่ยืนในเวที การอนุรักษ์มหาสมุทร”
  • ฮาชิม: “คุณจะไม่เพียงได้รับความมั่นใจในฐานะนักดำน้ำเท่านั้นแต่การมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับมหาสมุทรและแชร์ประสบการณ์กับผู้อื่นจะทำให้คุณมีความสุขและเติมเต็ม การดำเนินการที่สร้างแรงบันดาลใจเพื่อปกป้องมหาสมุทรด้วยการดำน้ำเป็นวิธีหนึ่งที่คุณสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันได้”
  • วีเลนเทินร์ฟ: “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เป็นผู้หญิงในการดำน้ำและการก้าวข้ามขีดจำกัดและทัศนคติแบบเหมารวมเกี่ยวกับเพศ เราทุกคนสามารถทำงานเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในสาขางานนี้ที่. อาจรู้สึกว่าไม่เหมาะกับพวกเขาหรืออาจได้รับการบอกกล่าวตั้งแต่อายุยังน้อยว่าพวกเขาไม่สามารถ ผจญภัยและห้าวหาญได้เท่ากับเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายของพวกเขา”
  • ชมิตต์: “เป็นเลย ทีละขั้นตอน สร้างความความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น เราไม่ใช่คู่แข่ง เราเป็นพันธมิตรกัน สร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วย พวกเขาเป็นเพื่อนของเรา ไม่ใช่ศัตรูของเรา เราเป็นชุมชนดำน้ำชุมชนเดียวกันและเราเชื่อมโยงกันด้วยความรักในมหาสมุทร”
Love the Oceans
Love The Oceans ทราบดีว่าผู้ที่มีพลังจะยังคงช่วยเหลือผู้อื่นและโลกต่อไป พวกเขาสอนคนในท้องถิ่นว่ายน้ำ
และทำงานอนุรักษ์ที่สำคัญ ภาพโดย Danielle Da Silva/Photographers Without Borders 

อ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้หญิงและความหลากหลายในการดำน้ำ

Share This